หน้า 2 จาก 2 เมื่อปี พ.ศ. 2537 นายอำเภออากาศอำนวย (นายประสิทธิ์ หิมะคุณ ) ได้เล็งเห็นประเพณีการเล่นกลองเลงเป็นวัฒนธรรมที่ดีอย่างหนึ่งของชาวโย้ยบ้านอากาศ และสนับสนุนกลองเลง โดยนำเอากลองกิ่งมาประยุกต์เพื่อตีประกอบท่ารำโย้ยกลองเลง และได้นำไปแสดงในงานสำคัญต่างๆ เช่น จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครร่วมกับเผ่าอื่นๆ ในเขตจังหวัดสกลนคร และได้รับคัดเลือกจากผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ให้คัดเลือกเอาคณะรำโย้ยกลองเลงไปรำถวายต่อหน้าพระที่นั่ง ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร และได้เป็นตัวแทนจังหวัดสกลนคร ไปแสดงในงานสำคัญ ๆ ต่าง ดังนี้ - งานวันที่ 5 ธันวามหาราช ณ สนามหลวง กรุงเทพมหานคร - ณ ศูนย์วัฒนธรรม จังหวัดมหาสารคาม - ณ ศูนย์ศิลปาชีพ จังหวัดอุบลราชธานี - ณ ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ - ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ที่กรุงเทพมหานคร - งานกาชาด ข้าวหอมใหม่ไทสกล - งานบุญประเพณีแข่งเรือไหลเรือไฟที่อำเภออากาศอำนวยทุกปี ผู้ให้ข้อมูล นายสมาน ใครบุตร อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 4 ตำบลอากาศ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
การแสดงท่าเล่นกลองเลงประกอบดนตรี การแสดงท่าประกอบดนตรีกลองเลง เดิมไม่มีการกำหนดท่ารำแต่อย่างใด ใครใครจะออกแขน ออกขา ออกเท้า อย่างไรก็ได้ตามความถนัดของแต่ละคน ซึ่งเอาความสนุกเข้าว่า ต่อมาทางศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยได้ให้มีการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอำเภออากาศอำนวย ได้นำเอาประเพณีวัฒนธรรมการเล่นกลองเลงออกไปแสดงที่งานฉลองครบรอบ 150 ปี จังหวัดสกลนครด้วย ปรากฎว่าได้รับความชื่นชมมากในด้านเสียงดนตรี แต่ท่ารำประกอบยังขาดรูปขบวน ขาดความเป็นหนึ่ง อันเนื่องจากแต่ละคนรำตามถนัด ทางศูนย์วัฒนธรรมจังหวัด จึงขอให้ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอช่วยหารูปแบบแสดงความเป็นหนึ่งเดียวของการแสดงท่ารำประกอบด้วยอาจารย์นิรสัย หินสอ ซึ่งทำหน้าที่เลขาคณะอนุกรรมการดำเนินงานศูนย์ฯ จึงได้ศึกษาหาข้อมูลประวัติความเป็นของการเล่นกลองเลงทราบว่ามีมาตั้งแต่บรรพบุรุษจากฮ่อมท้าวฮูเซ ซึ่งปรากฏอยู่ในบทกลอนลำเกริ่นก่อนเล่นกลองเลง บท "กลอนลำ" นี้ลำดับโดยผู้ใหญ่อุทร ใยแก้ว ผู้สืบเชื้อสายโย้ยโดยตรงจากบรรพบุรุษ ส่วนท่ารำประกอบนั้นไม่มีลักษณะเฉพาะ จึงให้คณะกลองเลงรำท่าฟรีสไตล์ (Free styl) ให้ดูแล้วจึงจับ "ท่ารำ" ที่มีผสมผสานอยู่ในท่าฟรีสไตล์นั้นออกมาที่ละท่าโดยอาจารย์พรรณนภา ชายกวด อาจารย์ประดิษฐ์ คิอินธิ และอาจารย์พนา วิริยะเจริญกิจ เป็นแม่แบบกำหนดท่าให้แล้วนำไปประยุกต์เข้ากับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันตามสภาพความเป็นจริง คือ เวลากลางวันชาวบ้านจะใช้ชีวิตอยู่กลางท้องไร่ท้องนา ทำไร่ทำสวนหรือไม่ก็หาปู ปลา เก็บผัก หักฟืน ต่อเมื่อตะวันคล้อยต่ำจึงกลับบ้าน หุงหาอาหารแล้วอาบน้ำแต่งตัวไปร่วมงานบุญจากจุดนี้จึงจับมาประยุกต์เป็นท่ารำต่าง ๆ ดังนี้ ท่าที่ 1 ท่าออกเป็นท่าที่เดินทางกลับจากเรือกส่วนไร่นา ท่าที่ 2 มาถึงบ้านแล้วก็ลงอาบน้ำที่ลำน้ำยาม ในท่าวิดน้ำขึ้นอาบและถูเหงื่อไคล สับเปลี่ยนกัน ท่าที่ 3 แล้วมา ผัดหน้า แต่งตัว หญิงนุ่งผ้า ห่มผ้าสไบ ชายนุ่งกางเกงแล้วใช้ ผ้าขาวม้าคาดพุง ท่าที่ 4 ผัดหน้าทาแป้ง ท่าที่ 5 สองกระจกสำรวจความสวยงาม ความเรียบร้อยของการแต่งกาย ท่าที่ 6 แต่งกายเรียบร้อยแล้วกวักมือเรียกเพื่อนบ้านไปร่วมงานเล่นกลองเลงกัน ท่าที่ 7 จังหวะดนตรีเปลี่ยนเป็นจังหวะที่เร็วขึ้น เข้าสู่การเล่นกลองเลง หนุ่มสาวไล่ หยอกล้อกัน ท่าที่ 8 ท่าหนุ่มเกี้ยวสาว ท่าที่ 9 ท่าสาละวันเตี้ยลง ท่าที่ 10 ท่ารำมวยโบราณ ท่าที่ 11 นำต้นเทียนถวายวัด อันเป็นท่าจบของรำโย้ยกลองเลง
กลอนเซิ้งกลองเลง มีดังนี้ โอ้โฮ๊ะโอ สาโอ้โฮ๊ะโอ แม่เฒ่าเว้ยแม่เฒ่า ขอกินเหล่านำเจ้าสักโถ ขอเหล่าเด็ดนำเจ้าสักโอ ขอเหล่าโทนำเจ้าสักถ่วย กล้วยและอ้อยเป็นสัพสิ่งของทาน พวกลูกหลานขอทานกินแด่ เจ้าบ่อให้ข่อยกะบ่อหนี เอากลองเลงมาตีอยู่นี่ ตี ใกล้ ๆ ในหน่า ขันใด โอ้โฮ๊ะโอ สาโอโฮ๊ะโอ เจ้าอยากให้เจ้าอย่าสูนาน เจ้าอยากทานเจ้าอย่าสูช้า หลานกำพร้าสิไปเที่ยวหลายเฮือน โอ้โฮ๊ะโอ สา อ้โฮ๊ะโอ เจ้าให้แล้วข่อยกะสิขอลา ลาก่อนเด้อลาไปก่อนแหล่ว ตีนเบื้องซ้ายยับออกลีลา ตีนเบื้องขวายับออกลีล้าย ย้ายจากหนี่สิไปเที่ยวหลายเฮือน โอ้โฮ๊ะโอล่าโอ้โฮ๊ะโอ....
-------------------------------------- คำว่า ถ่วย (ภาษาโย้ย) หมายถึง ถ้วย ผู้ให้ข้อมูล - นายบัวเรียน เหง้าละคร อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 4 ตำบลอากาศ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ผู้รวบรวมและเรียบเรียง - นายกงเที่ยง อินธิโคตร อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 4 ตำบลอากาศ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร วันที่ 8 พฤษภาคม 2548 - นายประดิษฐ์ คิอินธิ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ที่ 10 ตำบลอากาศ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
<< เริ่ม < ก่อนหน้า 1 2 ต่อไป > สุดท้าย >> |